วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

Order fulfillment activities

ระบบบริหารและจัดการคลังสินค้า (Order Fulfillment) 
-เป็นระบบการจัดการเกี่ยวกับสินค้า โดยเชื่อมโยงการจัดการคลังสินค้า และการจัดส่ง เข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการปฏิบัติงานที่คล่องตัวรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการให้บริการขนส่งสินค้า

ประโยชน์ที่ได้รับ (Benefits)
1.) การสร้างประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่คลังสินค้า (Optimize warehouse space)
2.) สร้างความคล่องตัวให้กับการปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิผล (Streamline operations and increase productivity)
3.) ปรับปรุงบริการขนส่งให้ดีขึ้น (Improve logistics services)
4.) กำหนดสิทธิในการอนุมัติรายการภายในระบบ
5.) ได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อการเติบโต (Gain flexibility and cost effective for growth)

ความสามารถของระบบ
1.) การจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management)
2.) สามารถเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันระบบสั่งสินค้า
3.) สามารถควบคุมและวิเคราะห์การปฏิบัติงานภายในคลังสินค้า
4.) กำหนดเส้นทางภายในคลังสินค้า บันทึกข้อมูลพนักงานหยิบสินค้า ช่วงเวลาการทำงาน ความเร็วในการหยิบต่อรอบของเส้นทาง
5.) วิเคราะห์ประสิทธิภาพของการจัดวางสินค้าในชั้นของคลังสินค้า
6.) การกำหนดบทบาทของพนักงานในคลังสินค้า ผุ้มีอำนาจอนุมัติและ ตัดสินใจ
7.) บันทึกประวัติการทำงานต่าง ๆ ภายในคลังสินค้า การติดตามตัวสินค้า ล๊อตสินค้า ต้นทุนสินค้า การจัดการสินค้าส่งคืน


ตามองค์ประกอบจากรูปภาพจะได้กิจกรรมต่างๆ (Activities) ดังนี้

Activity 1 (การทําให้แน่ใจว่าลูกค้าจะต้องชําระเงิน)
-ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการชําระเงิน และการเตรียมการล่วงหน้า ความถูกต้องของการชําระเงินแต่ละครั้งจะต้องมีการกําหนดไว้แล้ว ใน B2B (Business-to-Business)
 -การทําเช่นนี้ ถ้าเป็นทุกคนก็อาจทาให้การส่งสิ้นค้าล่าช้าออกไป ส่งผลให้เกิดการสูญเสียของค่าความนิยมหรือลูกค้าใน B2C (Business-to-Consumer)

Activity 2 (การตรวจสอบความพร้อมในสต็อก) 
-ไม่ว่าผู้ขายเป็นผู้ผลิตหรือร้านค้าปลีก ทันทีที่สั่งซื้อสินค้าจะได้รับการสอบถามความต้องการที่จะทําเกี่ยวกับสินค้าคงคลังตามสถานการณ์ความเป็นไปได้หลายอย่าง ที่อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการของที่มีอยู่ และฝ่ายการผลิต เช่นเดียวกับ supplier ภายนอก
และสิ่งอานวยความสะดวกในคลังสินค้า ในขั้นตอนนี้ข้อมูลการสั่งซื้อจะต้องมีการเชื่อมต่อไปยังข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความพร้อมในสต็อกสินค้าคงคลัง หรือความสามารถในการผลิต

Activity 3 (จัดการการขนส่ง) 
-หากผลิตภัณฑ์ที่มีความพร้อมเเล้ว ก็สามารถส่งให้ลูกค้าทันที ผลิตภัณฑ์ที่เป็น digital หรือทางกายภาพ โดยการจัดเตรียมบรรจุภัณฑ์และ การขนส่งต้องมีการทํา มันอาจจะเกี่ยวข้องกับทั้งการบรรจุภัณฑ์และแผนกจัดส่งและการส่งสินค้าทางเรือภายในหรือภายนอกของบริการ logistic 
-สินค้าดิจิตอล เช่นซอฟต์แวร์ อาจจะอยู่ภายใต้การปรับปรุงและไม่พร้อมใช้งานได้ สําหรับการส่งมอบในบางครั้ง ไม่ว่ากรณีใด ข้อมูลข่าวสารต้องไปถึงหุ้นส่วนทั้งหลายเสมอ

Activity 4 (ประกันภัย) 
-บางครั้งข้อมูลของการจัดส่งสินค้าจะต้องมีผู้ประกัน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายการเงินและ บริษัทประกันภัย 

Activity 5 (การเสริมกําลัง) 
-จะเป็นตัวนําของความต้องการ เพื่อสําหรับการผลิตหรือการประกอบต่าง ๆ

Activity 6 (การผลิตภายในบ้าน) 
-การผลิตต้องมีการวางแผนการผลิตเกี่ยวข้องกับคน, วัสดุ, อุปกรณ์, เครื่องจักร, ทรัพยากรทางการเงิน, supplier และผู้รับเหมา ในกรณีของการประกอบหรือการผลิต หรือทั้ง2อย่าง การให้บริการโรงงานอาจจะต้องรวมถึงการทํางานร่วมกันที่เป็นไปได้

Activity 7 (การใช้ผู้รับเหมา) 
-ผู้ผลิตอาจเลือกที่จะซื้อสินค้าหรืออุปกรณ์ประกอบย่อยจากผู้รับเหมาในทํานองเดียวกัน
ถ้าผู้ขายเป็นผู้ค้าปลีก 

Activity 8 (ติดต่อกับลูกค้า) 
-พนักงานขายจาเป็นต้องให้ในการติดต่อกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างใน B2B (Business-to-Businessเริ่มต้นด้วยการแจ้งเตือนการสั่งซื้อที่ได้รับและลงท้ายด้วยการแจ้งเตือนของการขนส่งหรือการเปลี่ยนแปลงในวันที่จัดส่ง
-ผู้ติดต่อเหล่านี้มักจะทําผ่านทาง e - mail และถูกสร้างขึ้นบ่อยครั้งโดยอัตโนมัติ (เช่น การใช้ RFID)

Activity 9 (การส่งกลับ) 
-ในบางกรณีที่ลูกค้าต้องการเปลี่ยนหรือส่งสินค้ากลับ ผลกระทบดังกล่าวสามารถเป็นปัญหาสําคัญได้
-การเคลื่อนไหวของผลตอบแทนจากลูกค้ากลับไปยังผู้ขายจะเรียกว่า logistics ย้อนกลับ (Reverse logistics)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น